ReadyPlanet.com
dot
bulletRhetoric For Leadership การฝึกพูดหลักวาทศาสตร์ผู้นำ
bulletคอร์สฝีกอบรมเทคนิคการนำเสนอแบบมืออาชีพ Professional Presentation
bulletคอร์สฝึกพูดและพัฒนาบุคลิกภาพสำหรับเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา
bulletคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพและฝึกพูดเพื่อการทำงานสัมภาษณ์งาน
bulletคอร์สฝึกพูดเป็นวิทยากรระดับผู้เชี่ยวชาญ--Expert Speaker Speech Practice Course
bulletคอร์สการพัฒนาภาวะผู้นำและการสื่อสาร Leadership & Effective Communication Development Course
bulletตอบคำถามรายละเอียดคอร์สฝึกพูดฯ58
bulletคอร์สฝึกอบรมศิลปะการพูดในการฝึกอบรม
bulletคอร์สการพัฒนาบุคลิกภาพและการพูดเพื่อการทำงาน
bulletคอร์สการเป็นวิทยากรเชิงปฏิบัติการด้านจิตและการพัฒนาจิต
bulletคอร์สฝึกเสียงเพื่อการพูดและการร้องเพลง
bulletประชาสัมพันธ์คอร์สยอดนิยม
bullet“คอร์สทักษะการนำเสนอแบบมืออาชีพและการพูดเวทีสาธารณะ เพื่อปฏิบัติงานในการประชุมระดับนานาชาติ”
bulletPublic Speaking and Leadership Building Course for International Students
bulletแบรนด์แนมทรัสเบส TRBAS สำหรับบริการแก่องค์กร
bulletคอร์สพัฒนาศักยภาพแนวใหม่ แบบ on line ผสมผสานเปิดแล้ว
bulletข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ฝึกทักษะการพูดและพัฒนาบุคลิกภาพวาทศาสตร์ผู้นำ
bulletใบสมัครลงทะเบียนจองคอร์ส- Registration Form
bulletคอร์สฝึกภาษาอังกฤษแบบบูรณาการ Integrated English
bulletผลงานทางวิชาการและวิจัย




Rhetoric For Leadership การฝึกพูดหลักวาทศาสตร์ผู้นำ

  

หลักการฝึกทักษะการพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ

โดย

รองศาสตราจารย์วารีญา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม

สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าท่านคัดลอกกรุณาระบุแหล่งอ้างอิง

ความนำ:

ทักษะการฝึกทักษะการพูดและพัฒนาบุคลิกภาพที่ได้รับการยอมรับที่สุดในสากลโลกอย่างที่เรียกว่า เป็นหลักมาตรฐานสากล คือ การฝึกแนววาทศาสตร์ผู้นำ เป็นเทคนิคการฝึกพูดที่ได้ผลดีที่สุดและให้สัมฤทธิผลบังเกิดขึ้นในตัวผู้ฝึกมากที่สุดและยั่งยืนถาวรสามารถแก้ไขข้อบกพร่องภายในตัวผู้ฝึก เช่น  อาการประหม่า ตกใจลืมถ้อยคำที่จะพูด อาการตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อต้องนำเสนอการพูดต่อหน้าบุคคลสำคัญๆ เช่น ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้บริหารระดับสูง และเวทีสาธารณะที่ล้วนแล้วแต่ประกอบด้วยผู้ชมผู้ฟังที่อยู่ในระดับสูงทั้งทางด้านการศึกษา สถานภาพทางสังคม และตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นต้น

นอกจากนี้การฝึกแนววาทศาสตร์ผู้นำยังช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในตัวผู้ฝึกที่ทำให้ไม่กล้าพูดท่ามกลางผู้ชมผู้ฟังในที่ประชุมได้แก่

 

1) ปัญหาการเปล่งเสียงที่ขาดพลัง พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ ทำให้คนฟังไม่รู้เรื่อง

 

2) การเปล่งเสียงที่ไม่ไพเราะน่าฟัง เสียงที่ผู้ฟัง ฟังแล้วรู้สึกอึดอัด เช่น พูดเสียงต่ำมาก    สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนภาวะทางจิตใจด้านในของผู้พูด เช่น ภาวะทางจิตที่แปลกประหลาด ฟังดูแล้วไม่ใช่คนปกติ  เป็นผลมาจากความคับข้องใจที่อัดแน่นทับซ้อนในจิตใจมาอย่างยาวนานโดยผู้พูดไม่รู้ตัว  ภาวะเหล่านี้ ต้องรีบแก้ไข   โดยกระบวนฝึกจิตที่อยู่ในขั้นตอนการฝึกที่สำคัญของการพัฒนาศักยภาพแบบบูรณาการ  เมื่อ ท่านได้เข้าฝึกการพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ

โดยมีหลักการว่า ปัญหาทางจิต ต้องแก้ที่จิต

 

3) การออกเสียงอักขระในภาษาพูดที่ไม่ชัดเจน เป็นผลมาจากการฝึกฝนในวัยเด็ก ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาให้ถูกต้องติดตัวไปจนโต

    สาเหตุเพราะ การเล่าเรียนในชั้นเรียนเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ ครูไม่เอาใจใส่เพราะ เด็กเยอะ ภาระงานเยอะ ไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจสอนเด็กพูดให้ชัด หรือขาดการอบรมเอาใจใส่จากครอบครัว ที่พูดไม่ชัดเหมือนกัน ก็จะเติบโตมาเป็นคนที่เปล่งเสียงภาษาไม่ชัด

    ที่ใช้คำว่า ภาษา โดยรวมๆนี้ หมายถึงการออกเสียงภาษาใดก็ได้ เช่น ภาษาไทย     ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ  ถ้าปล่อยให้พูดออกเสียงไม่ชัด ก็จะเติบโตมาเป็นคนที่พูดออกเสียงภาษาไม่ได้มาตรฐานตามหลักภาษานั้นๆ เวลาพูดออกมาจะดูไม่น่าเชื่อถือ ดูเป็นตัวตลก และถูกดูถูกจากผู้ฟังได้ เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนการเป็นคนที่ขาดการอบรมเลี้ยงดูมาดี

ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล

   เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากความรู้สึกน่าเชื่อถือของประชาชนผู้พบเห็น ผู้ชม ผู้ฟังโดยทั่วไป

   คนที่มีอาการพูดไม่ชัด จึงจำเป็นต้องรีบเข้าคอร์สฝึกพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ เท่านั้นที่จะช่วยแก้ไขเปลี่ยนแปลงท่านได้ จากพฤติกรรมการพูดและการสื่อสารที่ด้อยประสิทธิภาพ ไปสู่การพูดและการสื่อสารที่ได้มาตรฐานของภาษาและมีประสิทธิภาพ

 

4) การติดพูดออกเสียงเหน่อเสียงเพี้ยน ก็ต้องรีบแก้ไข ด้วยวิธีการฝึกทักษะการเปล่งเสียง

 

5) การพูดผู้พูดมักหลงลืมคำพูด ต้องฝึก ทักษะความจำแบบฉับพลัน ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพการเพ่งพินิจให้เกิดความทรงจำที่ชัดเจนถูกต้อง การฝึกพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ จะช่วยท่านให้สามารถพัฒนาศักยภาพอย่างเหนือชั้น

 

   เรามีอุปกรณ์และเทคนิคการฝึกที่ไม่มีที่ใด แม้แต่ชาวต่างประเทศยังต้องมาฝึกกับเรา   ได้ผลไร้ขีดจำกัด

 

6)การพูดที่บุคลิกภาพขาดพลัง ต้องฝึกภาวะผู้นำ (Leadership) ซึ่งในแบบฉบับใหม่ของหลักวาทศาสตร์ผู้นำ นิยามของคำว่า ผู้นำ-Leader” ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง  ถ้าท่านไม่ปรับเปลี่ยน ท่านจะเป็นผู้นำที่ล้มเหลวอย่างแน่นอน

 

  นอกจากนี้ เรายังมีการฝึกทักษะการจัดเตรียมบทพูดหรือสคริปท์ ที่มีการวางโครงสร้างไว้ให้ท่านสามารถบรรยาย หรือพูดได้อย่างเชื่อมั่น ไม่ตะกุตะกักและท่าทางพะงักพะวนเพราะจำบทพูดไม่ได้    หลายๆท่านเชื่อว่า เป็นผู้นำแล้ว สั่งให้ใครที่มือเชี่ยวชาญช่วยร่างบทพูดให้ก็ได้

 

   ผู้บริหาร ไม่เห็นต้องเรียนรู้ที่จะทำบทพูดเองเลย  นั่นคือความหลงผิดอย่างร้ายแรง คนที่คิดเช่นนั้น ไม่อาจจะเรียกว่า ผู้นำ ได้ เพราะนานวันเข้า จากบทบาทที่ท่านสำแดงตนออกมา  ประชาชน ผู้ชม ผู้ฟัง ผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกน้องหรือบริวาร จะพากันให้สมญาท่านด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามท่านว่าเป็น ผู้นำหุ่นยนต์ คนไร้สมอง ซึ่งถือว่า ท่านเป็นผู้นำจุดจบมาสู่ภาวะผู้นำของท่านด้วยตนเอง

 

   การฝึกพูดหลักวาทศาสตร์ผู้นำ เป็น กระบวนการพูดด้วยจิต เราจึงต้องมีการฝึกการกำหนดจิต ฝึกแล้วจะได้อำนาจจิตที่พิเศษ ผู้นำต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจจิต ที่สะสมมากๆแล้วเรียกว่า มีบารมี-charisma”

            จึงกล่าวได้ว่า หลักการพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ เป็น การนำความรู้สำคัญๆหลายๆศาสตร์มาผสมผสานกัน อย่างที่เรียกว่า สหวิทยาบูรณาการ-interdisciplinary sciences” เป็นแนวการฝึกพูดที่ให้ความใส่ใจในทุกๆด้านในการพัฒนาศักยภาพของผู้เข้ารับการฝึก มีการออกแบบแผนการฝึกอย่างดี มีแบบฝึกหัดที่ตอบสนองต่อการเสริมสร้างทักษะเพื่อนำไปใช้งานปฏิบัติได้จริง เน้นใส่ใจเป็นรายบุคคล

 

เราจึงจัดกลุ่มที่เล็กไม่เกิน 6-10 ท่าน อีกทั้งอุดมการณ์ของเราในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพแก่พี่น้องประชาชนคนไทยให้สามารถเข้าถึงองค์ความรู้และทักษะได้ เราจึงกำหนดอัตราลงทะเบียนไว้ในอัตราที่ถูกมาก

 

หลักการฝึกทักษะการพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ

การที่จะเป็นนักพูดระดับมืออาชีพ สามารถปฏิบัติงานสู่เวทีสาธารณะได้อย่างมั่นใจ สง่างาม ในทุกเวที ไม่ว่าจะได้รับเชิญไปพูดที่ไหน แม้แต่การออกสื่อมวลชนสาธารณะ เช่น ให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชน ออกรายการวิทยุและรายการโทรทัศน์

 

 การออกสื่อสาธารณะต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ

 ต้องผ่านกระบวนการฝึกทักษะอย่างชำนาญในหลายด้านได้แก่

 

1) ฝึกทักษะกระบวนการคิดแบบบูรณาการ SIPAR

    และการใช้ภาษาอย่างมีระบบเหตุผล (reasoning)

    ช่วยเสริมสร้างทักษะสมองในการสรรหาถ้อยคำดีๆมาพูด

    ได้อย่างมีหลักการน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อมั่นใน

    ตัวผู้พูด (Trust)

 

2) ฝึกการเปล่งเสียง ฝึกลมหายใจ (vocal training and

    breathing)  และฝึกการตั้งเสียง (voice posing)

    จะช่วยทำให้มีเสียงพูดที่ไพเราะน่าฟัง มีเสน่ห์ มีพลังเสียง

    ฟังแล้วรื่นหูผู้ฟัง  แก้ไขเสียงเพี้ยน เสียงแปร่ง พูดไม่ชัด

    เสียงเหน่อ เสียงขึ้นจมูก เสียงอู้อี้ เสียงในลำคอพูดไม่รู้เรื่อง

    เสียงห้าว เสียงกระด้าง เสียงห้วน พูดไม่มีน้ำเสียงที่ทำให้

    คนฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบหน้าผู้พูด

 

3)ฝึกทักษะการพูดด้วยน้ำเสียงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความ

    รู้สึกให้ผู้ฟังไม่เบื่อหน่าย หรือ เลี่ยงเสียงแบบโมโนโทน

    (monotone) ทำให้ผู้ฟังได้อรรถรส

 

4) ฝึกทักษะความจำฉับพลันแบบกสิณสมาธิ ที่จะช่วยให้ 

   เกิดความจำเป็นเลิศ จำได้แม่น ช่วยในการจำบทพูดที่เตรียม   ไว้ด้วยการกำหนดจิตอย่างมีประสิทธภาพ 

   สามารถพูดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด สมองสามารถลำเลียง

   ข้อมูลให้ปากพูดได้อย่างน่าสนใจ ไม่ติดอ่าง ไม่เกิดอาการ

   อ้ำอึ้ง สมองตื้อ ความจำเกิดอาการเลอะเลือน

   จำสิ่งที่เตรียมมา พูดไม่ได้ หรือลืมถ้อยคำที่จะพูดแบบ

  กระทันหันอยู่กลางเวที มีอาการตกตลึงพรึงเพริด เสียขวัญ

  อับอายผู้ฃมผู้ฟังกลางเวทีที่เรียกว่าอาการ "ตกม้าตาย"

 

5) ฝึกบุคลิกภาพสากล  ออกงานได้ทุกเวที ทุกระดับ ไม่ว่าจะ

   เป็นระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ระดับนานาชาติ

   ทำให้ภาพลักษณ์สง่างาม เฉิดฉาย   

   ส่องประกาย "ภาวะผู้นำดาวดวงเด่น"

   ทำให้แก้ไขอาการประหม่า กลัวผู้คน ทำให้ไม่มีอาการ

   ประหม่า  ประดักประเดิด ตัวเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ

   หน้าเครียด    วางตัวไม่เป็น ทำตัวไม่ถูก

    ออกงานสังคมไม่มั่นใจ

 

5) ฝึกการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ ที่เรียกว่า ฟังให้ได้ปัญญา

     (สุตตมยปัญญา) เวลาทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมสัมมนา

     หรือ พิธีกร จะได้ไม่สรุปสิ่งที่ได้ยินมาผิดๆ ที่จะทำให้ผู้ฟัง

     อารมณ์เสีย บรรยากาศเสียไป

 

6) ฝึกบุคลิกภาพสากล  ทำให้ภาพลักษณ์สง่างาม เฉิดฉาย

   ส่องประกาย "ภาวะผู้นำดาวดวงเด่น"

 

ถ้าท่านต้องการฝึกฝนทักษะการพูดแนววาทศาสตร์ผู้นำ ต้องมาหาครูที่ชื่อ "รองศาสตราจารย์วารีญา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม" เท่านั้นค่ะ

เพราะชีวิตทั้งหมดในช่วงนี้ของอาจารย์อุทิศให้กับการศึกษาวิจัยและพัฒนา การฝึกทักษะเพื่อการพัฒนาศักยภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในอัตราเหมือนให้เปล่าอยู่แล้ว

 

อย่าชักช้าปล่อยชีวิตให้เวลาล่วงเลยไป จากการเป็นผู้ชนะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ถ้ามัวแต่โอ้เอ้พัฒนาศักยภาพหลักวาทศาสตร์ผู้นำ ท่านอาจจะกลายเป็นผู้เสียโอกาส ผู้ล้มเหลวและผู้แพ้ตลอดกาล

 

ช่วงวัยของชีวิตของเรา แต่ละคนมีกำหนดไว้แน่นอน 10-20-30-40-50-60-70 ปี ช่วงนี้ยังพัฒนาได้ไม่มีปัญหาเรื่องสังขารที่ร่วงโรย หมดช่วงนี้ไป ไม่มีอีกแล้ว

 

ถ้าอยากประสบความสำเร็จเร็วอย่างยั่งยืน ต้องฝึกตั้งแต่เยาววัย

แต่ถึงแม้จะเลยวัยกลางคนก็ต้องฝึกพัฒนาศักยภาพ จะได้ไม่แก่ล้าหลัง เป็นคนหลังเขา

คนที่ลังเลใจที่จะทำสิ่งที่ดีๆให้กับตัวเอง จึงจัดว่าเป็นคนที่น่าเศร้าที่สุดในโลก 

 

 

 

 

 







Copyright © 2010 All Rights Reserved.
wareeya.com :ศูนย์แห่งการพัฒนาศักยภาพแบบบูรณาการ-a center for integral human potentiality development ,consultant and services. Network Cooperation with TRBAS